Into Yoga.....สัมผัสความสุขทุกวันได้ด้วยตัวคุณ

Into Yoga.....สัมผัสความสุขทุกวันได้ด้วยตัวคุณ
ติดต่อ ครูน้อง 089-529 28 90

วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2556

ลมหายใจคือโอกาส

                                                                                 โดยครูน้อง

         จากประสบการณ์ของตัวเองในตอนแรกฝึกโยคะ และจากนักเรียนโยคะน้องใหม่ที่เคยบ่นถึงปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ ทำให้ทราบว่า การหายใจซึ่งเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงกัน และไม่เคยคิดว่าจะต้องมีการฝึกอะไรนักหนา เพราะเกิดมาก็หายใจเป็นอยู่แล้วโดยอัตโนมัติ ใครจะไปคาดคิดว่า การฝึกบริหารและควบคุมลมหายใจ จะกลายมาเป็นเรื่องยากลำบาก ไม่ต้องพูดถึงการฝึกหายใจประเภทต่างๆในแบบโยคะซึ่งมีมากมายหลายแบบ

         ผู้เพิ่งเริ่มฝึก ส่วนใหญ่มักสับสนโดยปกติคนที่ไม่เคยฝึกหายใจ มักจะหายใจตื้น หรือบางคนแทบไม่เคยสังเกตลมหายใจของตนเองเลยด้วยซ้ำ  พอเรียนโยคะ ครูบอกให้เคลื่อนไหวสอดคล้องกับลมหายใจ กลับกลายเป็นปัญหา เพราะหูต้องคอยฟังครูอย่างตั้งใจ ฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองครู หรือคนข้างหน้าเพื่อจะได้ทำตามได้ถูกต้อง นอกจากท่าทางแล้ว ครูยังบอกให้หายใจเข้าและหายใจออกตามการเคลื่อนไหวอีก ให้จิตจดจ่ออยู่กับลมหายใจและอยู่กับตัวเรา โอ๊ย...โอ๊ย....สมองสั่งกาย สั่งใจให้ต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน และยังบอกให้ผ่อนคลาย มีสมาธิอีก.....ใครจะไปทำได้

       เรื่องนี้ทำให้น้องนึกถึงตอนที่หัดขับรถใหม่ๆ ในตอนแรก รู้สึกยากลำบากเช่นเดียวกับการฝึกโยคะไม่มีผิด ต้องหัดใช้สายตามองทาง มองกระจกข้างบ้าง หลังบ้าง หูก็ฟังครูสอนว่าต้องทำยังไง มือจับพวงมาลัยคอยบังคับรถให้ไปตามทาง (ถ้าเป็นรถแบบเกียร์กระปุก ก็ต้องใช้มือซ้ายคอยเปลี่ยนเกียร์) ส่วนเท้าก็เหยียบคันเร่ง หรือแตะเบรก ผ่อนหนักผ่อนเบาไปตามความเหมาะสม ต้องทุกอย่างสัมพันธ์กัน รถแล่นไปตรงทาง ไม่กระตุกกระฉึกกระฉัก สมองทำงานเต็มกำลังเพราะต้องควบคุมอวัยวะต่างๆให้ทำงานสอดประสานกัน ในตอนนั้นถือเป็นเรื่องยากยิ่งและค่อนข้างสับสน เมื่อหัดขับจบในแต่ละครั้ง ฉันจึงรู้สึกเครียดเกร็ง และล้าไปทั้งตัว รวมทั้งหัวด้วย  แต่เมื่อขับเป็นแล้ว เกิดความสนุกและสบาย สามารถขับรถพร้อมๆกับกิจกรรมอื่นไปด้วยได้สบายมาก เช่น มือหนึ่งขับ อีกมือหนึ่งหมุนหาคลื่นเพลง ปากก็คุยกับโทรศัพท์กับเพื่อน หรือ ไม่กินขนมไปด้วย ลืมความกังวลในตอนแรกที่หัดขับไปเลย ตอนนี้ขับรถไป หูก็ฟังเพลงสบายใจ แถมตายังมองทิวทัศน์ข้างทางได้อย่างมีความสุข...

     การฝึกท่าโยะคะและฝึกลมหายใจก็เช่นเดียวกันค่ะ  แรกๆอาจดูสับสน ยากลำบาก น่าท้อใจ แถมบางทียังไม่รู้สึกว่ามันจะสุขตรงไหน เจ็บ ปวด ตึง หายใจติดขัด เหนื่อย  แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เกิดประสบการณ์ เกิดการเรียนรู้ และเข้าใจ ร่างกายและลมหายใจเราค่อยๆปรับตัวอย่างเป็นธรรมชาติ  เราสามารถผ่อนคลายได้มีสมาธิ และรู้สึกสงบสุข อิ่มเอมหลังจากการฝึก
ให้เรานึกย้อนกลับไปว่าเราสามารถก้มตัวเอามือแตะถึงพื้นได้เมื่อไร เราหายใจได้ยาวขึ้นและขึ้นตอนไหน เราเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ....

     เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว  คนที่เริ่มฝึกใหม่ๆ อย่าเพิ่งท้อนะคะ และไม่ต้องมัวเสียเวลาตั้งคำถามด้วยว่า ว่าต้องทำอย่างไร ไม่สามารถหายใจได้ตามที่ครูบอก เมื่อไรจะทำได้ ฝึกไปเรื่อยๆเถอะค่ะ วันหนึ่งเมื่อคุณทำไ้ด้ คุณจะรู้ด้วยตัวเองเหมือนการขับรถค่ะ ครูได้แต่ให้คำแนะนำแต่คนขับรถจะเป็นไวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนหัดขับเอง

      ในตอนแรกที่ฝึก น้องอยากแนะนำให้หายใจไปตามธรรมชาติของเราก่อน อย่ากลั้นลมหายใจ เพราะเมื่อไรที่เรากลั้นลมหายใจ  เราจะเกร็งร่างกาย เคลื่อนไหวไม่ผ่อนคลาย เมื่อเราปล่อยลมหายใจให้เคลื่อนไปอย่างต่อเนื่องเป็นธรรมชาติ เราจะไม่ฝืนเกร็งจนเกินไป เราถึงจะรู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิได้ค่ะ  พอฝึกไปได้ซักระยะ ทุกอย่างจะค่อยๆเข้าที่เข้าทางของมันเอง ขอย้ำว่าต้องฝึกอย่างสม่ำเสมอนะคะ  ถ้าเผลอกลั้นลมหายใจหรือลืมหายใจเมื่อไร  ให้มีสติแล้วหายใจลึกและยาว ช้าๆค่ะ อย่าเครียดหรือมุ่งมั่นจนเกินไปนะคะ

      สุดท้ายที่อยากจะฝากไว้ คือ ลมหายใจอยู่กับเราตลอดเวลามาตั้งแต่เกิด และมันอยู่แค่ปลายจมูกเรานี่เอง แต่เรามักลืมมัน....ลืมว่ามันคือเพื่อนแท้ในชีวิต ไม่ว่าเราจะเป็นอย่างไร ลมหายใจให้โอกาสในชีวิตกับเราเสมอในการที่เราจะทำสิ่งต่างๆ ตามที่เราตั้งใจ ไม่ว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือไม่ เราสามารถเริ่มใหม่ได้ทุกครั้งตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ แต่เมื่อวันหนึ่งเพื่อนแท้นี้กำลังจะจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ เราจะไม่ได้รับโอกาสอะไรในชีวิตอีกเลย ไม่ว่าเราจะวิงวอนร้องขออย่างไรก็ตาม......วันนี้ดูแลลมหายใจของคุณให้ดีนะคะ

                                                                                               นมัสเต









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น